วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

มะเร็งต่อมลูกหมาก


มะเร็งคืออะไร ?


ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมากควรตรวจอะไรบ้าง 


สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวควรจะปรึกษาแพทย์ว่าเมื่อไรจึงจะตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมากแม้ว่าจะไม่มีอาการ  จะตรวจอะไรบ้าง และตรวจถี่แค่ไหน แพทย์จะแนะนำให้ตรวจดังที่จะแสดงข้างล่างแต่การตรวจดังกล่าวเป็นการตรวจว่ามีความผิดปกติที่ต่อมลูกหมากหรือไม่มิใช่บ่งว่าเป็นมะเร็ง
  • การตรวจต่อมลูกหมากทางทวารหนักโดยการที่แพทย์ใส่ถุงมือ ใช้ vaslin หล่อลื่นนิ้วมือ แล้วตรวจต่อมลูกหมากทางทวารหนักเพื่อดูว่ามีก้อน หรือขนาดโตขึ้น
  • การตรวจหาสาร PSA ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่ผลิตโดยต่อมลูกหมาก ค่าจะสูงในโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก  ค่าปกติจะน้อยกว่า 4 nanogram ค่าอยู่ระหว่าง 4-10 nanogram ค่านี้อยู่ระดับปานกลางถ้าค่ามากกว่า 10 ถือว่าสูงค่ายิ่งสูงโอกาสเป็นมะเร็งก็จะสูง นอกจากนี้ยังพบว่าค่า PSA สูงพบได้ในโรค ต่อมลูกหมากโต การอักเสบของต่อมลูกหมาก ค่ามักจะอยู่ระหว่าง 4-10 nanogram 
หากการตรวจดังกล่าวพบว่าผิดปกติก็จะต้องตรวจเพิ่มเพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่

ระยะของโรค มะเร็งต่อมลูกหมาก

การวางแผนการรักษาจะต้องรู้ว่ามะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายหรือยังหรือยังอยู่เฉพาะที่ต่อมลูกหมากโดยจะต้องมีการตรวจเพิ่มเช่นการตัดชิ้นเนื้อจากทวารหนัก การ x-ray พิเศษ ที่นิยมแบ่งเป็น 4 ระยะได้แก่ 1-4 หรือ A-D
  1. Stage 1 หรือ A ระยะนี้ผู้ป่วยไม่มีอาการไม่สามารถตรวจพบมะเร็งต่อมลูกหมากทางทวารทราบว่าเป็นโดยการผ่าตัดต่อมลูกหมากโตระยะนี้มะเร็งอยู่เฉพาะในต่อมลูกหมาก
  2. Stage 2หรือ B สามารถตรวจได้จาการตรวจต่อมลูกหมากโดยการใช้เข็มเจาะชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากเนื่องจากค่า PSA สูงมะเร็งยังอยู่ในต่อมลูกหมากไม่แพร่กระจาย
  3. Stage 3หรือC มะเร็งแพร่กระจายไปเนื้อเยื่ออยู่ใกล้ต่อมลูกหมาก
  4. Stage 4 หรือDมะเร็งแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น
  5. Reccurent หมายถึงภาวะที่มะเร็งกลับเป็นใหม่หลังจากรักษาไปแล้ว

การป้องกัน มะเร็ง

           นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการป้องกันมะเร็งสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารผักและผลไม้ การออกกำลังกาย การควบคุมน้ำหนัก การเลือกอาหารไขมันต่ำ และ BIMผักและผลไม้
จากศึกษาส่วนใหญ่พบว่าผักและผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหาร และมีไขมันต่ำซึ่งจะลดการเกิดโรคมะเร็งและป้องกันโรคอ้วน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าในแต่ละวันควรจะรับผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 5 หน่วย โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่มีสีเข็มเช่นเขียว (คะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง) ส้ม แดง
ธัญพืช
ได้แก่ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี การรับประทานอาหารเหล่านี้จะทำให้ระบบขับถ่านทำงานดีขึ้นและยังลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
ถั่วต่างๆ
ถั่วต่างๆจะให้สารอาหารโปรตีนสำหรับทดแทนเนื้อสัตว์และใยอาหาร นอกจากนั้นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งต่อต้านมะเร็ง
การออกกำลังกาย การดื่มสุรา และการสูบบุหรี่ 
ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจะสามารถลดอุบัติการณ์ของมะเร็ง
Lycopene
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งพบได้มากในมะเขือเทศ มีการศึกษาว่าการรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำสามารถลดขนาดของเนื้องอก แต่ต้องศึกษาเพิ่มเติม
Silenium
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระพบได้มากในพวก ปลา อาหารทะเล ไก่ ธัญพืช ถั่วต่างๆ มีการวิจัยว่าสารนี้ลดอัตราการตายจากมะเร็งต่อมลูกหมาก
ถั่วเหลือง
การวิจัยพบว่าการรับประทานอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองจะลดอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก
vitamin E
จาการวิจัยพบว่าการรับประทานวิตามิน อีเป็นประจำชะลออัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและลดอัตราการตายจากโรคนี้

แถลงข่าวผลงานนัักวิทยาศาสตร์ไทยก้าวไกลสู่ระดับโลกต้านมะเร็งด้วยผลไม้ไทยมังคุดศ.ด­­ร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ศ.ดร.วัชระ กสิณฤกษ์ ผอ.ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ ม.เชียงใหม่ ด้วยBIM100 ที่มีประสิธิภาพในการเพิ่ม Th17 สูงขึ้น5เท่าช่วยในการฆ่าเซลมะเร็ง ดูข้อมูลได้ในVDO ข้างต้น
                ภูมิคุ้มกันที่สมดุล
องค์กรภาครัฐและ บริษัท มหาชนได้จับมือร่วมกับนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ระดับโลกชั้นบางส่วนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทยที่เปิดดำเนินการ "BIM"โดยมีวัตถุประสงค์ของการสร้างความมั่นใจสุขภาพที่ดีสำหรับผู้คนทั่วโลก นอกจากนี้โครงการจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมการใช้ที่มีคุณค่าของผลไม้ไทยและธัญพืชเป็นวัตถุดิบจึงเอื้อต่อการเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยการช่วยให้การรักษาและเพิ่มราคาของผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ
การดำเนินการ "BIM" (Balancing Immune) จะให้ยืนยาวไปประชากรโลกซึ่งจะช่วยให้พวกเขาไปอยู่อย่างมีความสุขในสุขภาพที่ดี ร่างกายของคนจะได้รับการติดตั้งที่มีความสามารถป้องกันการต่อต้านสารพิษอันตรายต่อสุขภาพ, เชื้อราแบคทีเรียไวรัสและเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ยังสามารถลดทุกชนิดของความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการอัตโนมัติภูมิคุ้มกันโรคที่เกี่ยวข้องกับที่มีผลในการแก้ปัญหาทางผิวหนังสะเก็ดเงินเช่นเดียวกับโรคทั่วไปอื่น ๆ รวมทั้ง gastroenteropathy, arthrosis โรคเบาหวาน, ภูมิแพ้, โรคหัวใจ, ตับและไตอักเสบหอบหืด, โรคลมชัก . 
ความสามารถในการข้างต้นของผลร่างกายจากความสมดุลของ Th1, Th2, Th17 และเซลล์ Treg
ประกอบของประสบการณ์ภูมิปัญญาความรู้ความเชี่ยวชาญและการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์การแพทย์จากสาขาต่างๆมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ด้วยการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) และ Phytoceuticals





วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มะเร็งคืออะไร ?


ความรู้เรื่องมะเร็งกับเวปบิมฮิตดอทคอม http://www.bimhit.com
มะเร็ง คือ กลุ่มของโรคที่เกิดเนื่องจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติ ที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ รวดเร็ว และมากกว่าปกติ ดังนั้น จึงอาจทำให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติ และในที่สุดก็จะ ทำให้เกิดการตายของเซลล์ในก้อนเนื้อนั้น เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะการ เจริญเติบโตของหลอดเลือด ถ้าเซลล์พวกนี้เกิดอยู่ในอวัยวะใดก็จะ เรียกชื่อ มะเร็ง ตามอวัยวะนั้นเช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็ง เม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
เท่าที่มีรายงานไว้ใน ขณะนี้ มะเร็งที่พบในร่างกายมนุษย์มีมากกว่า 100 ชนิด มะเร็งแต่ละชนิดจะมีการ ดำเนินของโรคไม่เหมือนกัน เช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง จะมีการดำเนินชนิดของ โรค ที่รุนแรง ผู้ป่วยจะมีชีวิตการอยู่รอดสั้นกว่าผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
ดังนั้น การรักษามะเร็งแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เป็นมะเร็ง ระยะของมะเร็ง สภาพร่างกาย และความเหมาะสม ของผู้ป่วยมะเร็ง การรักษาจะยากหรือง่ายนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็งและ การดำเนินโรคของมะเร็งด้วย เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งผิวหนัง รักษาง่ายกว่า มะเร็งปอด มะเร็งสมอง เป็นต้น

อาการบ่งชี้ว่าเราเป็นมะเร็งมีอะไรบ้าง ? 

1. ไม่มีอาการใดเลยในช่วงแรกขณะที่ร่างกายมีเซลล์มะเร็งเป็นจำนวนน้อย
2. มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งตามสัญญาณอันตราย 8 ประการ ที่เป็นสัญญาณเตือน ว่าควรไปพบแพทย์ เพื่อการตรวจค้นหาโรคมะเร็ง หรือสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้มีสัญญาณ เหล่านี้ เพื่อการรักษาและแก้ไขทางการแพทย์ที่ถูกต้องก่อนที่จะกลายเป็นโรคมะเร็ง หรือเป็นมะเร็งระยะลุกลาม
3. มีอาการป่วยของโรคทั่วไป เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ร่างกายทรุดโทรม ไม่สดชื่น และไม่แจ่มใส
4. มีอาการที่บ่งบอกว่า มะเร็งอยู่ในระยะลุกลาม หรือเป็นมาก ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมะเร็ง ชนิดใดและมีการกระจายของโรคอยู่ที่ส่วนใดของร่างกายที่สำคัญที่สุดของอาการในกลุ่ม นี้ ได้แก่ อาการเจ็บปวด ที่แสนทุกข์ทรมาน

สัญญาณอันตราย 8 ประการที่ทุกคนควรจะจำไว้เพื่อสุขภาพที่ดี ได้แก่ 

1.มีการเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะ เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรือปัสสาวะเป็นเลือด
2. กลืนอาหารลำบาก หรือมีอาการเสียด แน่นท้องเป็นเวลานาน
3. มีอาการเสียงแหบ และไอเรื้อรัง
4. มีเลือดหรือตกขาวที่ผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็น
5. แผลซึ่งรักษาแล้วไม่ยอมหาย
6. มีการเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝตามร่างกาย
7. มีก้อนที่เต้านมหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
8. หูอื้อหรือมีเลือดกำเดาไหล
ศูนย์จำหน่ายBIM100 จ.ชลบุรี  http://www.bim100chonburi.com/

มะเร็งที่คนไทยส่วนใหญ่เป็นคือ
เสริมอาหารสูตรมะเร็ง
5 ประการเพื่อการป้องกัน
อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน มะเร็ง

1. รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯเพื่อป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลาย กระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ
2.รับประทานอาหารที่มีกากมากเช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่นๆเพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
3.รับประทานอาหารที่มีเบต้า- แคโรทีน และ ไวตามินเอ สูงเช่น ผัก ผลไม้ สีเขียว-เหลืองเพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอด
4. รับประทานอาหารที่มีไวตามินซีสูง เช่น ผัก ผลไม้ต่าง ๆเพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และ กระเพาะอาหาร
5. ควบคุมน้ำหนักตัวโรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งมดลูก ถุงน้ำดี เต้านม และลำไส้ใหญ่ การออก กำลังกายและการลดรับประทานอาหารที่ให้ พลังงานสูง จะช่วยป้องกันมะเร็ง เหล่านี้ได้

7 ประการเพื่อลดการเสี่ยง
เสริมอาหารเพื่อห่างไกล มะเร็ง

1.ไม่รับประทานอาหารที่มีราขึ้นอาหารที่มีราขึ้นโดยเฉพาะสีเขียว-เหลือง จะมีสารอัลฟาทอกซินปนเปื้อนซึ่งอาจเป็น สาเหตุของโรคมะเร็งตับ
2. ลดอาหารไขมันอาหารไขมันสูงจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่และต่อมลูกหมาก
3.ลดอาหารดองเค็ม อาหารปิ้ง-ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือไนเตรท- ไนไตร์ทอาหารเหล่านี้ จะทำให้เสี่ยงต่อ มะเร็ง หลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่
4.ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบ ๆ เช่น ก้อยปลา ปลาจ่อม ฯลฯจะทำให้เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ และเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็งของท่อน้ำดีในตับ
5.หยุดหรือลดการสูบบุหรี่การสูบบุหรี่ จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งปอด กล่องเสียง ฯลฯ การเคี้ยว ยาสูบจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปาก และช่องคอ
6.ลดการดื่มแอลกอฮอล์ดื่มแอลกอฮอล์ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ตับ ถ้าทั้งดื่มและสูบบุหรี่จะเสี่ยงต่อการ เป็นมะเร็งช่องปาก ช่องคอ กล่องเสียง และหลอดอาหาร
7. อย่าตากแดดตากแดดจัดมากเกินไป จะเสี่ยงต่อการเกิด มะเร็งผิวหนัง
• --------------------------------------------------------------- •
ขอบคุณข้อมูลดีๆจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ